พรวรินทร์ นุตราวงศ์ |
||
เส้นทางสู่ความเป็นหนึ่ง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคทรอนิคส์ จำกัด ได้ทำการสรรหาสุดยอดคนดีของประเทศไทย ด้วยวิธีการเปิดโอกาสให้คนไทยเขียนเล่าเรื่องความดีที่ทำ และ 1 ใน 6 คน ของสุดยอดคนไทยก็คือ นางพรวรินทร์ นุตราวงศ์ ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ 7 วช. ฝ่ายการพยาบาล วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ผู้ทำความดีด้วยการเป็นอาสาสมัครดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย และทำความหวังสุดท้ายของผู้ป่วยให้สำเร็จก่อนที่ผู้ป่วยจะจากโลกนี้ไป
|
||
คุณพรวรินทร์ เข้ารับราชการที่วชิรพยาบาลในตำแหน่งพยาบาล 2 ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2522 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ 7 วช. ฝ่ายการพยาบาล วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานคร และวชิรพยาบาล สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร นอกเหนือจากหน้าที่หลักแล้ว คุณพรวรินทร์ ยังเป็นอาสาสมัครเพื่อการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองและผู้ป่วยระยะสุดท้ายให้ตายอย่างมีความสุข โดยการมอบความสุขและทำความหวังครั้งสุดท้ายให้กับผู้ป่วยให้สำเร็จก่อนที่ผู้ป่วยจะจากไป ซึ่งทำมานานกว่า 10 ปีแล้ว คุณพรวรินทร์ มีความภูมิใจและสุขใจเป็นอย่างมากกับความสุข ที่ได้มอบให้ผู้ป่วย ถือว่าเป็นการทำงานที่เกิดความสำเร็จทางด้านจิตใจ จึงไม่มีการถ่ายรูปกับผู้ป่วยเลย เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในสภาพไม่น่าดู ได้แต่เก็บไว้ในใจแต่สามารถเล่าได้ว่าได้ทำความหวัง ของผู้ป่วยให้สำเร็จได้อย่างไร 1. น้องแดน เป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ น้องแดนป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้ายป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลนานถึง 8 เดือน เมื่อถามน้องแดนว่าถ้าพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของน้องแดน น้องแดนอยากทำอะไร น้องแดนตอบว่าอยากไปร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จึงพาน้องแดนเดินไปร้านเซเว่น อีเลฟเว่น น้องแดนซื้อของ 2 อย่าง แล้วนำมาให้ขอทานหน้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นอีก 3 วัน น้องแดนก็จากไป 2. น้องแพท ป่วยด้วยโรคมะเร็งสมอง น้องแพทไม่มีพ่อ แม่ และป้าที่เลี้ยงน้องแพทไม่เคยมาเยี่ยมน้องแพทอีกแล้ว หลังจากที่ดูแลน้องแพทจนเหมือนแม่ของน้องแพทแล้ว น้องแพทบอกว่าอยากให้มีดารามาเยี่ยมจึงได้โทรศัพท์ไปบอกคุณมนตรี เจนอักษร ซึ่งเป็นเพื่อนกันให้มาเยี่ยม หลังจากคุณมนตรีมาเยี่ยมได้ไม่นาน น้องแพทก็จากไป และก่อนที่น้องแพทจากไปน้องแพทยได้ขอไว้ว่าถ้าวันที่น้องแพทตายขอให้จับมือน้องแพทเอาไว้ตลอดก็ได้ทำตามที่น้องแพทขอร้องไว้ น้องแพทจากไปอย่างสงบ 3. คุณสมศรี ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด ก่อนตายคุณสมศรีบอกว่าอยากพบคน 2 คน ซึ่งโกรธกันมานานกว่า 20 ปี และไม่เคยเจอกันอีกเลย จึงได้พยายามติดต่อคน 2 คนนั้น ให้มาพบคุณสมศรี หลังจากที่คุณสมศรีได้พบคน 2 คนนี้ และได้ขออโหสิกรรมกัน อีก 2 วัน คุณสมศรีก็จากไปอย่างสงบ 4. คุณชัยศรี ป่วยด้วยโรคมะเร็งที่ลิ้นระยะสุดท้าย คุณชัยศรีเขียนหนังสือบอกว่ายังไม่ได้จ่ายค่าเทอมของลูก 2 คน และห่วงลูกกลัวไม้ได้เรียนต่อ จึงได้ประสานไปที่โรงเรียนที่ลูกทั้ง 2 คนเรียนอยู่ และขอจากผู้อำนวยการโรงเรียนให้ยกเว้นค่าเทอมและขอให้เด็กทั้ง 2 คน เรียนจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งผู้อำนวยการก็รับปาก จึงได้มาบอกคุณชัยศรี หลังจากนั้นอีก 2 วัน คุณชัยศรีก็จากไปอย่างสงบ 5. อาแปะป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด หลังจากที่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลนานกว่า 3 เดือน อาแปะบอกว่าอยากไปตายที่บ้าน แต่ลูกๆและภรรยาไม่ยอมให้กลับ เพราะกลัวว่าจะให้การดูแลอาแปะไม้ได้ จึงได้อธิบายให้ลูกและภรรยาฟัง ถึงความต้องการสุดท้ายของอาแปะ และได้สร้างความมั่นใจด้วยการจัดอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในช่วงสุดท้ายของชีวิตให้ พร้อมทั้งได้อยู่เป็นเพื่อนที่บ้านของอาแปะ 1 วัน จนภรรยาและลูกๆมั่นใจว่าจะดูแลอาแปะได้ หลังจากนั้นอีก 2 วัน อาแปะก็จากไปอย่างสงบท่ามกลางความรักของลูกๆและภรรยา |
||
คุณพรวรินทร์ มีวิธีสอนคนไม่ให้กลัวความตาย และกล้าเผชิญกับความตาย ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ที่ทำมาหลายๆครั้ง จนเกิดเป็นองค์ความรู้ขึ้นมาโดยการที่จะต้องสร้างความ มั่นใจ ความเชื่อใจ และความไว้วางใจให้คนไข้ และญาติจนเขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำให้เขาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เช่นสอนให้รู้จักสวดมนต์ ทำบุญทำความดีในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ และจะพูดถึงความตายว่าใครๆ ก็ต้องตาย แต่ใครจะตายก่อนหรือหลังเท่านั้น คนที่รู้ตัวล่วงหน้ายังโชคดีที่ยังมีเวลาทำอะไรได้อีกหลายอย่าง และจะพูดคุยกับผู้ป่วยระยะสุดท้ายในเรื่องความตายจนคุ้นเคยกับคำว่า ตาย และให้เข้าใจว่าความตายเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นเวลาที่เหลืออยู่อยากทำอะไร อยากบอกอะไรกับใครหรือต้องการพบใคร คุณพรวรินทร์จะพยายามทำสิ่งเหล่านั้นให้เขาอย่างเต็มที่ จนเขาหมดห่วง หมดกังวล และมีใจสงบ โดยจะสังเกตเห็นได้จากสีหน้าของผู้ป่วยทุกราย ที่แสดงถึงความดีใจ โล่งใจ และสบายใจก่อนเวลาสุดท้ายของชีวิต และนี่คือหนึ่งในสุดยอดคนไทย และเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของชาวสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ที่เป็นแบบอย่างในการทำความดี และเป็นแบบอย่างต่อสังคมไทย | ||
สนพ.กทม. 24 มีนาคม 2551 |
|