ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 : Influenza A(H1N1) | ||
เมื่อวันที่27 เมษายน ที่ผ่านมาสำนักนักข่าวต่างประเทศต่างพากันรายงานว่าที่กรุงเม็กซิโก ซิตี เมืองหลวงของประเทสเม็กซิโก ได้เกิดโรคไข้่หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ คือ ไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ สายพันธุ์ H1N1 หรือที่เรียกกันว่า "ไข้หวัดหมู(Swine Flu)" กำลังระบาดหนัก อีกทั้งเชื้อไข้หวัดดังกล่าว ได้แพร่ระบาดไปยังประเทศใกล้เคียงอย่างสหรัฐอเมริกา และต่อมาพบผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อดังกล่าวในทวีปยุโรป รวมถึงในภูมิภาคเอเชียด้วย ล่าสุดองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้เพิ่มระดับเตือนภัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้เป็นระดับ 5 ซึ่งเป็นขั้นที่ตรวจพบว่ามีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในอย่างน้อย 2 ประเทศในภูมิภาคเดียวกัน หรือการติดเชื้อข้ามประเทศเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา นอกจากนี้องค์การอนามัยโลกยังประกาศให้เรียกชื่อโรคนี้อย่างเป็นทางการว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด A H1N1 แทนการเรียกว่า ไข้หวัดหมู เ่ช่นเดี่ยวกับที่ก่อนหน้านี้สหรัฐ เรียกไข้หวัดสายพันธุ์ดังกล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่ 2009 H1N1 เพื่อแก้ความเข้าใจผิดที่ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้เกิดจากหมู |
||
รู้จักกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของโลก |
||
![]() |
||
โรคไข้หวัดหมูที่กำลังระบาดในประเทศเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ นั้น ถือเป็นครั้งแรกที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับนานาชาติ หลังจากการระบาดของโรคซาร์สเมื่อปี 2546 ส่งสัญญาณให้ทุกประเทศเตรียมพร้อมรับมือกับการระบาดของโรค ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ความน่าสะพรึงกลัวของโรคดังกล่าวเนื่องจากเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่มนุษย์ยังไม่เคยมีภูมิต้านทาน ซึ่งในอดีตการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วจำนวนมาก การเกิดโรคแต่ละครั้งจะเกิดจากพันธุ์ย่อย ๆ เพียงพันธุ์เดียว ซึ่งเป็นแล้วจะมีภูิมิคุ้มกันต่อพันธุ์นั้น เชื้อไข้หวัดใหญ่บางพันธุ์อาจผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำให้เกิดการระบาดใหญ่ และมีการเรียกชื่อโรคที่ระบาดแต่ละครั้งตามชื่อของประเทศที่เป็นแหล่งต้นกำเนิด - พ.ศ. 2461 - 2462 ไข้หวัดใหญ่เสปน (Spain Flu) เป็นการระบาดทั่วโลกครั้งร้ายแรงที่สุด คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 50 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่้ในสหรัฐอเมริกาถึงกว่า 5 แสนคน ดร.แนนซี่ ค็อกซ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยไข้หวัดใหญ่ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ กล่าวว่า ไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ชนิด A H1N1 นี้มีลักษณะพันธุกรรมหรือยีน ที่ประกอบด้วยเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์รวมอยู่ด้วยกัน ได้แก่ เชื้อไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ เชื้อไข้หวัดนกที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ และ เชื้อไข้หวัดหมูที่พบบ่อยในทวีปยุโรปและเอเชีย โดยสันนิษฐานเบี้ยงต้นว่า เชื้อไข้หวัดพันธุ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือ Antigenetic Shift โดยมีหมูที่เป็นพาหะนำโรค โดยการถูกเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู และไข้หวัดใหญ่ เข้าไปอยู่้ในตัว ต่อมาเซลล์ในตัวหมูถูกไวรัสตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปโจมตี ทำให้หน่วยพันธุกรรมไวรัสดังกล่าวผสมปนเปกันระหว่างการแบ่งตัว กลายเป็นเชื้อพันธุ์ใหม่ขึ้นมา |
||
หมูไม่เกี่ยว |
||
![]() |
|
|
อาการ | ||
ผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้สูง ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ไอ เจ็บคอ คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดศรีษะ หนาวสั่น คัดจมูกและอ่อนเพลีย อาจพบอาการท้องเสีย อาการป่วยจะพัฒนารวดเร็วและจะมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงภายใน 5 วัน ทั้งนี้อาจจะพบว่าผู้ที่รับเชื้อจะแสดงอาการไม่รุนแรง ในกรณีที่ผู้ติดเชื้อมีสุขภาพแข็งแรงและอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาหายได้ด้วยภูมิต้านทางของร่างกาย ทั้งนี้หากเป็นผู้สูงอายุหรือเด็กจะมีความเสี่ยงมากกว่า ส่วนในกรณีที่มีการอารรุนแรงมักพบภาวะปอดอักเสบและเสียชีวิตได้ |
||
การติดต่อ | ||
การแพร่ติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคน คือ 1. แพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอ หรือจามรดกัน โดยที่เชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย 2. ติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา หากนำมือที่มีเชื้อไปสัมผัสร่างกาย เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา แต่โรคนี้ไม่ติดต่อจากการรับประทานเนื้อหมูที่ปรุงสุกแล้ว เพราะเชื้อไวรัสจะตายที่อุณหภูิมิ 70 องศาเซลเซียส |
||
การป้องกัน | ||
1. ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิด เพื่อป้องกันเวลาจาม 2. สวมหน้ากากอนามัย และทิ้งกระดาษชำระที่เปื้อนลงถังขยะ 3. ล้างมือด้วยน้ำสบู่บ่อย ๆ 4. หยุดพักเมื่อป่วย ระวังไม่สัมผัสตา จมูก และปากเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ 5. หลีกเลี่ยงชุมชนแออัด และงดเดินทางไปในประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ 6. รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ 7. รับประทานเนื้อหมูที่ปรุงสุกทุกครั้ง |
||
![]() |
||
การรักษา | ||
ในเอกสารเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดชนิดนี้ ที่กงสุลใหญ่ ในนครลอสแองเจลิสของสหรัฐ แสดงข้อมูลที่ระบุว่า สามารถใ้ช้ยาชนิดเดียวกับยาไข้หวัดใหญ่ทั่วไป ในการรักษาไข้หวัดชนิดเอ H1N1 ได้ คือ ยา Oseltamivir หรือ Tamiflu และยา Zanamivir ซึ่งเป็นยาชนิดพ่น แต่ทั้งนี้ยาดังกล่าว ไม่สามารถป้งกันเชื้อไวรัสได้ ทั้งนี้มีรายงานระบุว่าในสหรัฐอเมริกา ผลการตรวจเชื้อไวรัสชนิดนี้พบว่าเชื้อดังกล่าวดื้อยาต้านไวรัส amantadine และ rimantadine อย่างไรก็ตาม WHO ออกมายอมรับว่า ยา Tamiflu ที่มีอยู่ในขณะนี้อาจไม่เพียงพอต่อการรับมือกับการแพร่ระบาดที่อาจเพิ่มมากขึ้น |
||
มาตรการรับมือ (ทั่วโลก) | ||
ในกรุงเม็กซิโก ซิติ ประเทศเม็กซิโก ขณะนี้รัฐบาลได้ประกาศให้ธุรกิจร้านค้า และบริการที่ไม่มีส่วนสำคัญและจำเป็นต่อระบบเศรษฐกิจ และความปลอดภัยของสาธารณชนปิดดำเนินการชั่วคราวระหว่างวันที่ 1-5 พ.ค. เพื่อหวังหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม ส่วนกระทรวงสาธารณสุขเม็กซิโกได้มีการแจกจ่ายยาต้านไวรัสหลายล้านชุดไปตามโรงพยาบาลทั่วประเทศแล้ว |
||
![]() |
||
สถานการณ์การแพร่ระบาด | ||
องค์การอนามัยโลก ได้เพิ่มระดับเตือนภัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้เป็นระดับ 5 ซึ่งเป็นขั้นที่ตรวจพบว่ามีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในอย่างน้อย 2 ประเทศในภูมิภาคเดียวกัน หรือการติดเชื้อข้ามประเทศ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยการเพิ่มระดับเตือนภัยในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีผู้เสียชีวิตที่รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นนอกประเทศเม็กซิโก ส่วนในหลายประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ได้แก่ นิวซีแลนด์มีจำนวน 13 คน แคนาดา 19 คน อังกฤษ 5 คน สเปน 10 คน เยอรมนี 3 คน อิสราเอลและคอสตาริกาประเทศละ 2 คน เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และเปรู ประเทศละ 1 คน สหรัฐฯ อย่างน้อย 91 คนไม่นับรวมผู้เสียชีวิต 1 คน ขณะที่เม็กซิโกซึ่งเป็นต้นตอการแพร่ระบาด พบผู้เสียชีวิตแล้ว 168 คน ไม่ยืนยันอีก 8 คน |
||
![]() |
||
สถานการณ์ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย | ||
ซึ่ง วันที่1 พ.ค. 52 นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่าที่ประชุมศูนย์บัญชาการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ให้สรุปใช้ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ 2009H1N1 และมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพื่อให้ง่ายแก่การสื่อสารและสร้างความเข้าใจแก่สาธารณะ นอกจากนี้ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน +3 ในวันที่ 7-8 พ.ค.นี้ โดยมีหลักใหญ่เรื่องการหารือเกี่ยวกับกรอบแนวนโยบายในการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้ ทั้งนี้ปัจจุบันคาดว่าอาเซียนมีการสำรองยายาโอเซลทามิเวียร์ไว้ ที่ประเทศสิงคโปร์ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านเม็ด ด้าน นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในส่วนของไทยมีสต๊อกอยู่ประมาณ 5 ล้านเม็ด ขณะนี้กำลังให้องค์การเภสัชกรรมผลิตเพิ่มอีก 1 ล้านเม็ด เพื่อให้ได้ประมาณ 10 % ของประชากร ส่วนนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสวุรรณภูมิ กล่าวถึงมาตราการป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่เชื้อสายเม็กซิโก ว่า ท่าอากาศยานจะดูแลเรื่องการติดตั้งเครื่องเทอรโมสแกนเนอร์ สำหรับเที่ยวบินจากประเทศที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงนั้น ประเทศไทยเองไม่มีเที่ยวบินตรงจากประเทศเม็กซิโก ดังนั้นมาตราการเฝ้าระวังของเราจะเน้นไปยังสายการบินที่บินมาจากเมืองต่างๆ ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีรายงานผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อไข้หวัดดังกล่าว แต่ก็มีการการคาดว่า อีกประมาณ 12 สัปดาห์ โรคไข้หวัดสายพันธุ์นี้อาจมาถึงประเทศไทย ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวเป็นเพียงการคาดการณ์ไว้เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน เท่านั้น
|
||
ข้อมูลจาก นสพ.โพสต์ทูเดย์ 28 เม.ย. 52 และ สำนักข่าวเจ้าพระยา 1 พ.ค. 52 |
||
Produce by Medical Service Department
สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เลขที่ 514
ถนนหลวง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
โทร. 0-2224-2954 , 0-2224-9711 , 0-2221-6020 , 0-2225-4966
โทรสาร 0-2226-1931 , 0-2221-6029
ติดต่อ Webmaster : webmaster@dmsbma.go.th