ริดสีดวงทวาร(Hemorrhoid) |
|
ริดสีดวงทวาร เกิดจากการโตขึ้นกลุ่มของ เส้นเลือด และ เนื้อเยื่อ บริเวณส่วนปลายของลำไส้ตรง ที่เรียกว่า hemorrhoidal tissue | |
คนปกติมีริดสีดวงหรือไม่ เนื่อเยื่อนี้มีหน้าที่อะไร ในคนปกติ จะมีริดสีดวง(hemorrhoidal tissue)ทุกคน โดยจะอยู่บริเวณส่วนล่างของทวารหนัก เนื้อเยื่อริดสีดวงจะมีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ๆคือ (ลองนึกภาพ ถ้าเรานอนหงายแล้วกางขาออก เหมือนท่าคนจะคลอดลูก เปรียบเทียบกับ นาฬิกาด้านหน้า เป็น 6 นาฬิกา ด้านหลังเป็น 12 นาฬิกา ด้านซ้ายเป็น 3 นาฬิกา ด้านขวาเป็น 9 นาฬิกา (ค่อยๆนึกครับ วาดรูปประกอบก็ได้) เนื้อเยื่อริดสีดวงปกติจะมีอยู่ 3 ตำแหน่ง คือ ที่ 3 , 7 , และ 11 นาฬิกา (ที่บอกมี 3 หัวอะไรทำนองนี้ครับ) |
|
เนื่อเยื่อริดสีดวงมีหน้าที่อะไร? หน้าที่ปกติ จะมีหน้าที่ป้องกันกล้ามเนื้อของทวารหนักรวมทั้งหูรูด ระหว่างถ่ายอุจจาระและช่วยให้ทวารหนักปิดได้สนิทในขณะที่เราอยู่เฉย |
|
โรคริดสีดวงทวารเกิดจากอะไร? ริดสีดวง เกิดจากการโตขึ้น ของ เนื้อเยื่อ Hemorrhoid ซึ่งสาเหตุแบ่งง่ายๆ เป็น 2 อย่างคือ
|
|
โรคริดสีดวงมีกี่ชนิด? เราแบ่งโรคนี้ออกเป็น 2 ชนิด คือ ริดสีดวงภายใน คือริดสีดวงที่อยู่เหนือเส้นสมมุติที่เรียกว่า dentate line(บริเวณแถวๆ รอยที่หยักๆครับ)จะมีลักษณะที่สังเกตง่ายๆ คือ
ริดสีดวงภายนอก คือริดสีดวงที่อยู่ใต้เส้น Dentate line สังเกตง่ายๆคือ
|
|
อาการของโรคริดสีดวง มีอะไรบ้าง? อาการของโรคนี้ที่มีพบแพทย์ มี 3 อาการ
|
|
การรักษาโรคริดสีดวงทวาร ขึ้นกับระยะที่เป็น ระยะ1 การรักษาในระยะนี้ ไม่ว่าจะเลือดออกหรือไม่ จะเน้นการใช้ยาและการปฏิบัติตัว การใช้ยาจะเป็นพวกยาที่ทำให้อุจจาระนุ่ม(Stool Softener) อาจใช้ยาประเภท Steroid เหน็บทวารเพื่อลดการอักเสบ การปฏิบัติตัวคือทานอาหารมีกากมากๆ ทานน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงการเบ่ง หรือนั่งนานๆ มีบางแห่งอาจใช้ Infrared ช่วยแต่ไม่จำเป็นครับ ระยะ2-3 ต้นๆ การรักษาด้วยยารวมทั้งการปฏิบัติตัวเหมือนเดิม อาจใช้ยาชนิดพิเศษ รัดริดสีดวงทวาร ( Rubber Band Ligation) ซึ่งได้ผลดีมาก ไม่เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด ทำได้บ่อยๆ ภาวะแทรกซ้อนต่ำ ระยะ 3ที่ใหญ่ๆ -4 ต้องผ่าตัดครับ |
|
เมื่อไร ที่ต้องผ่าตัดริดสีดวง?
|
|
การป้องกัน ขับถ่ายให้เป็นเวลา ไม่ทำให้ท้องผูก |
|
ทำไมเราต้องมาสนใจโรคริดสีดวงด้วย? จริงๆ แล้วโรคริดสีดวงไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลย อย่างมากก็เจ็บ เลือดออกส่วนใหญ่มักจะไม่มาก แต่ที่มากๆ จน Shock ก็มีครับ แต่ที่น่าจะระวังมากกว่านั้นคือ เราอาจไม่ได้เป็นริดสีดวงก็ได้ อาการถ่ายเป็นเลือดสดนั้น อาจเกิดได้จากหลายอย่าง เช่นโรคแผลที่ทวารหนัก(Anal fissure) ฯลฯ แต่ที่น่ากลัวกว่า คือ เนื้องอก หรือมะเร็ง บริเวณลำไส้ตรง หรือ ทวารหนัก ซึ่งจะมีอาการถ่ายเป็นเลือด เหมือนกัน ซึ่งสามารถให้การวินิจฉัยได้ด้วยการตรวจร่างกายธรรมดาเท่านั้น การรักษานั้น คนละเรื่องครับ ดังนั้น ถ้ามีอาการถ่ายเป็นเลือด ไม่ควรรักษาตัวเอง ควรมาพบแพทย์ครับ |
|
Produce by Medical Service Department
สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เลขที่ 514 ถนนหลวง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100 โทร. 0-2224-2954 , 0-2224-9711 , 0-2221-6020 , 0-2225-4966 โทรสาร 0-2226-1931 , 0-2221-6029
ติดต่อ Webmaster : webmaster@msdbangkok.go.th